Logo  
หน้าแรก > ประวัติหลวงพ่อ
 
 
 
พุทธศักราช 2502 ณ หมู่บ้านโนนทอง อ. สามง่าม จ. พิจิตร เด็กชายเฉลิมพล มูลแสง ได้ถือกำเนิดขึ้นมา เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก โยมแม่ของหลวงพ่อเล่าว่า เป็นเด็กที่รักสะอาดและเป็นระเบียบมาก ของเล่นข้าวของต่างๆ ของท่าน เมื่อใช้เสร็จก็จะเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ จานข้าวจะใช้แต่ละครั้งต้องนำมาเช็ดเองจนสะอาดเสียก่อน จึงจะตักข้าวใส่ได้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ต่างจากเด็กอื่นๆ ที่อยู่ในวัยเดียวกัน ความเป็นผู้มีระเบียบและรักสะอาดนี้ได้ติดตัวเป็นนิสัยของท่านเรื่อยมา กระทั่งเมื่อเข้าวัยเรียน หลวงพ่อเล่าว่า เวลามีการแสดงละครในชั่วโมงเรียน บทที่หลวงพ่อได้รับเป็นประจำคือบทพระฤาษี ซึ่งถือเป็นนิมิตแห่งนักบวชในชีวิตช่วงต่อมาของท่าน
biography001
 
พุทธศักราช 2514 เมื่ออายุได้ 12 ปี หลวงพ่อได้มาบวชเรียนเป็นสามเณรอยู่ประจำที่วัดโรงช้าง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีพระครูพิลาศธรรมกิจ (หลวงพ่อทวี ส่งศรี) เป็นพระอุปัชฌาย์ ใช้ชีวิตอยู่เป็นสามเณรนักเรียนได้ 5 พรรษาจึงได้ลาสิกขา โดยได้ตั้งใจไว้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเมื่ออายุได้ 25 ปี จะบวชอีกและไม่ลาสิกขา การใช้ชีวิตในช่วงเป็นฆราวาส เริ่มตั้งแต่เป็นเด็กเรียงอ้อยหลังรถ จนกระทั่งได้มาทำงานในเหมืองลิกไนต์ที่ลำปางไต่เต้าจนได้เป็นโฟร์แมนคุมงาน นับว่าหลวงพ่อดำเนินชีวิตฆราวาสได้อย่างประสบความสำเร็จ ด้วยการขยันทำงานและรู้จักเก็บหอมรอมริบ ทำให้สามารถซื้อที่ดิน สร้างบ้าน และมีรถยนต์ส่วนตัวใช้ได้ตั้งแต่ยังอยู่ในวัยหนุ่ม
 
สามเณรเฉลิมพล มูลแสง
 
 
เมื่ออายุถึงเกณฑ์ 25 ปี หลวงพ่อเล่าว่าในช่วงนั้นรู้สึกใจมัน"แห้ง" อย่างบอกไม่ถูก จึงระลึกได้ถึงการบวชตามที่เคยได้ให้สัญญากับตัวเองไว้ในอดีต หลังจากจัดการธุระต่างๆ เรียบร้อย จึงบ่ายหน้าเข้าสู่วัดปลูกศรัทธาและเมื่อถึงวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2528 จึงได้อุปสมบท โดยมี พระอาจารย์มาลัย เป็นพระอุปัชฌาย์ และตั้งใจว่าการบวชครั้งนี้จะไม่ลาสิกขาอีกเป็นอันขาด รวมอายุในขณะนั้นได้ประมาณ 26 ปี กับ 3 เดือน
 
biography002
ถ้ำนาคออก อ.เชียงดาว
 
การใช้ชีวิตนักบวชที่คิดว่าไม่ได้หลอกลวงเขากินของหลวงพ่อนั้น คือ การตั้งใจฝึกปฏิบัติโดยมีอรหันตภูมิเป็นที่สุดอย่างจริงจัง เมื่อปฏิบัติข้อวัตรของพระใหม่ในขณะที่จำพรรษาอยู่ที่วัดดอยแท่นพระ จ.เชียงใหม่ กับหลวงพ่อวัลลภ ได้ระยะหนึ่ง จึงปลีกวิเวกบำเพ็ญภาวนาตามป่าเขาและถ้ำต่างๆ อาทิ ถ้ำเวินบึก อ.โขงเจียม , ปากเซ , วัดภู (ลาว) , นครจำปาศักดิ์ , แก่งลี้ผี และถ้ำนาคออก อ.เชียงดาว ที่ถ้ำนาคออกนี้เองหลวงพ่อได้เข้าจำอยู่ถึง 2 ปี โดยท่านเล่าว่า ไม่เคยเจอคนไทยและพระไทยเลย มีแต่ชนชาวเขาที่พูดจากันแทบไม่รู้เรื่อง แต่กลับเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพระผู้ที่กำลังบำเพ็ญเช่นตัวหลวงพ่อเอง
 
biography003
ธุดงค์ลำขาแข้ง
 
การปลีกวิเวกของหลวงพ่อที่ตัวท่านเองรู้สึกพอใจที่สุด คงเป็นการฝึกอยู่ป่าที่ห้วยขาแข้งและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ซึ่งใช้เวลามากถึง 14 ปี ด้วยการเข้าป่าในช่วงออกพรรษา และกลับออกมาหาวัดตามชายป่าจำพรรษาในช่วงกาลเข้าพรรษา ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ทำให้ท่านได้รู้ถึงจิตใจและสภาวะธรรมต่างๆ ของตัวเองได้ละเอียดและชัดเจนยิ่งขึ้น ความอดทนของร่างกาย การป่วยไข้ การบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เป็นเสมือนอุปกรณ์สำหรับฝึกฝนจิตใจของหลวงพ่อ
 
จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2540 ท่านได้ฝันไปว่ามีหลวงปู่รูปหนึ่งนำท่านมาที่วัดภูกำแพง และในเวลาต่อมาตัวท่านก็ได้พบกับวัดภูกำแพงแห่งนี้ โดยมีบันไดพญานาคที่ทางเข้าวัดเป็นที่ให้ระลึกได้ ในช่วงปีแรกๆ ของการจำพรรษาที่นี่ หลวงพ่อก็ยังเข้าออกป่าอยู่เป็นประจำ กระทั่งเมื่อภาระในวัดมีมากขึ้น ท่านจึงหยุดการปลีกวิเวกเอาไว้ก่อน
 
การพัฒนาสร้างสรรค์วัดในยุคแรกๆ นั้น ถือว่าทำได้ยากลำบาก มาก แต่ด้วยความมานะอุตสาหะของหลวงพ่อ จึงได้เกิดเป็นวัดภูกำแพงที่ มั่นคงถาวรสืบมา
 
ณ ปัจจุบันนี้ วัดภูกำแพงได้เปลี่ยนแปลงจากพื้นที่ป่ารกชัฏ เต็มไปด้วยพงหญ้าและป่าหนาม กลับกลายเป็นสวนป่าที่น่ารื่นรมย์ มีทิวไม้ขึ้นเป็นแถวเป็นแนว ดูแล้วเป็นที่น่าสบายตาสบายใจแก่ผู้ที่มาพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง จึงหวังว่าพระภิกษุ สามเณร และบรรดาพุทธบริษัททั้งหลายจะได้มาเที่ยวชมสักครั้ง ...
 
ด้วยทำเลที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน ได้ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่รอบด้าน บรรยากาศของป่าเขียวขจีและเงียบสงบ คล้ายเป็นดังกำแพงป้อมปราการธรรมชาติให้กับวัด จึงเป็นที่มาของชื่อ..."วัดภูกำแพง"
 
biography004

หลวงพ่อเฉลิมพล ขนฺติธโร

 
 
 
 
 
 
home
history
biography
gallery
thamma
etc
map
contact
 
 
 
วันนี้
1
ทั้งหมด
70,447